ไค ฮาแวร์ตซ์ กองหน้าจอมโหดของสโมสร เชลซี ได้ออกมาเปิดเผยรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์พิเศษกับ ลา เพราะคิดว่ามีความใจเย็นเหมือนกัน และหลังแข่งจบเขามักจะไปเยี่ยมชมสัตว์สี่เท้าชนิดนี้ เพื่อผ่อนคลายจิตใจ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ฮาแวร์ตซ์ ประกาศเปิดตัวมูลนิธิการกุศลของตัวเอง วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือดูแลสัตว์ รวมถึงเยาวชนและผู้สูงอายุ พร้อมให้สัมภาษณ์กับ The Guardian
“เพื่อนร่วมทีมบางคนเรียกผมว่า ลา ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นเพราะสไตล์การเล่นของผม ตั้งแต่วันแรกที่จำความได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับ ลา ลา เป็นสัตว์ที่ใจเย็นมาก และบางทีผมอาจได้รับบุคลิกจากพวกมัน เพราะผมก็ใจเย็นเช่นกัน ตลอดทั้งวัน ลา ไม่ค่อยทำอะไรมากนัก, พวกมันแค่ต้องการใช้ชีวิตของตัวเอง”
“ผมมีความรักให้แก่ ลา มาโดยตลอด และเมื่อเจอความพ่ายแพ้ ผมมักจะไปที่เขตป่าสงวนเพื่อดูเหล่าสัตว์ทั้งหลาย และเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวพวกมัน นั่นคือวิธีการฟื้นฟูจิตใจอย่างหนึ่ง และเป็นสถานที่ซึ่งผมรู้สึกสงบสุข”
ฮาแวร์ตซ์ ย้ายเข้ามาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ตั้งแต่ปี 2020 ด้วยค่าตัวรวม 71 ล้านปอนด์ และจนถึงตอนนี้ลงเล่นให้ เชลซี ไปแล้ว 128 นัดทุกรายการ ยิง 32 ประตู มีถ้วยรางวัล แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
“ตอนนั้นผมรู้สึกว่าราคาค่าตัวของตัวเองคือเรื่องใหญ่ ตอนนั้นผมคือผู้เล่นราคาแพงที่สุดใน เชลซี ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีการจ่ายเงินมากขนาดนั้น แต่เมื่อดูการซื้อตัวของเราในช่วงหลัง, มันคือเรื่องปกติของวงการฟุตบอล ราคาแบบนั้นสร้างความกดดัน เพราะผู้คนจะคิดว่าคุณคือ เมสซี่, ตอนนั้นผมอายุ 20-21 และผู้คนก็ไม่เห็นเรื่องนี้ พวกเขาเห็นแค่ราคา ดังนั้นคุณต้องโชว์ฟอร์มเยี่ยมตั้งแต่วันแรก”
“มันคือกระบวนการ, ตอนผมอายุ 17, 18 หรือ 19, ฟุตบอลควบคุมชีวิตผม หากผมมีเกมที่แย่หนึ่งนัด ผมจะต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อไปอยู่กับลา ตอนคุณยังเด็ก คุณอ่านสิ่งที่ผู้คนพูดถึงคุณ คุณเริ่มจะเชื่อและคิดว่าพวกเขาอาจพูดถูก บางทีคุณอาจเล่นฟุตบอลไม่ได้เรื่องจริงๆ”
“คุณจึงต้องมีความมั่นคง, แม้คุณโชว์ฟอร์มแย่ แต่นั่นไม่ได้หมายความคุณคือคนที่เลวร้ายที่สุดในโลก ทุกอย่างในวงการฟุตบอลเกิดขึ้นเร็วมาก ช่วงเวลาหลายเดือนหลังคือตัวอย่างที่ดี, ทุกคนหงุดหงิดที่ผมฟอร์มแย่และไม่มีประตู ผู้คนวิจารณ์และต้องการให้ขายผม ตอนนี้ผมยิงได้ และทุกคนบอกว่าผมคือผู้เล่นที่ดีที่สุด, ตอนนี้พวกเขายังรักผม แต่อีก 2 สัปดาห์อาจกลับมาเกลียดอีกครั้ง”
“ไม่ว่าผมจะเล่นดีแค่ไหน ผมกลับมาถึงบ้าน แล้วก็เจอแฟนผมขอให้เอาจานไปใส่ในเครื่องล้างอยู่ดี”