มัสซิมิเลียโน่ อัลเกกรี กุนซือใหญ่ของ สโมสร ยูเวนตึส ยอมรับเมื่อทีมขึ้นนำแล้วเล่นกันเหมือนอยู่ในโหมด สโลว์ โมชั่น ซึ่งต้องแก้ไขเรื่องนี้ พร้อมคำนวนโอกาสเข้ารอบต่อไปในศคก ยูโรป้า ลีก อยู่ที่ 50เปอร์เซ็นต์พอดี
ภายหลังชนะการแข่งขันในประเทศมา3นัดรวด ม้าลาย ลงเล่น ยูโรป้า ลีก เลกแรก ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ น็องต์ ทีมอันดับ 13 จากลีกเอิง1-1 ทีมของ อัลเลกกรี ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่13จาก ดูซาน วลาโอวิช แต่ครึ่งหลังโดน น็องต์ ไล่ตัเสมอ หลังจบเกม อัลเลกรี ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง Sky Sport Italia กล่าวถึงฟอร์มของลูกทีม
“เราโดนตีเสมอ 1-1 และเราควรทำได้ดีกว่านี้ในด้านเทคนิค, หลังจากขึ้นนำ มันเหมือนกับเราเล่นกันในโหมด สโลว์ โมชั่น และเราต้องแก้ไขเรื่องนี้”
“เราไม่สามารถครองบอลกันแค่ในพื้นที่เล็กๆ ของสนามได้ เราต้องผ่านบอลไปทั่วสนาม ด้วยความเร็วที่มากกว่า 1 ไมล์ต่อชั่วโมง, เมื่อเราเริ่มเล่นด้วยความเร็วมากขึ้น คุณจะเห็นว่าเราสามารถสร้างโอกาสยิงประตูได้”
“เรามีโอกาสหลายครั้งสำหรับขึ้นนำอีกรอบ แต่เราต้องมีความต่อเนื่องมากกว่านี้ โดยเฉพาะในเกมแบบนี้เท่าเราต้องยิงประตูให้ได”
“ตอนนี้เราต้องไปเข้ารอบกันที่ ฝรั่งเศส และเรามีโอกาส 50 เปอร์เซ็นต์ในการทำแบบนั้นสำเร็จ”
ช่วงทดเจ็บ เกิดจังหวะปัญหาขึ้นเมื่อ เซบาสเตียน คอร์เชีย แนวรับ น็องต์ ซึ่งมีใบเหลืองติดตัวอยู่แล้ว กางแขนโดนบอลในกรอบเขตโทษ จังหวะแย่งโหม่งกับ เบรเมอร์
ฝั่ง ยูเวนตุส พยายามประท้วงเอาจุดโทษพร้อมใบแดงแต่ผู้ตัดสิน เจา ปินเฮโร่ ดู VAR แล้วมองว่า คอร์เชีย ถูก เบรเมอร์ กดไหล่ในจังหวะต่อเนื่องก่อนหน้านั้น
“มันไม่มีประโยชน์อะไร ที่ผมจะมานั่งตรงนี้ แล้วบอกว่าจังหวะนั้นควรเป็นจุดโทษ หรือใบเหลืองที่สอง” อัลเลกรี กล่าวถึงจังหวะปัญหานี้